วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2558

"พอจะเชื่อถือได้มั้ยครับ คุณกาซะลอง"

แต่ใส่หน้ากากเข้าหากัน"
คล้ายนาเสียงจะคุ้น แต่ในสถานการณ์เช่นนั้Iม่มีเวลาที่หล่อนจะนึกถึงขุดค้น ความรู้สืกแห่งห้วงนั้น กาชะลองนิ่วหน้า พูดอย่างนีไาเท่ากับเพรู้ว่าหล่อนฟ้น นางเอกละคร และจงโจพูดประซดหล่อนชัดๆ มันน่าจะรายงานเสียโห้เข็ด ในเมื่อ เหล่าเครือญาติของหล่อนก็เป็นถึงนายตำรวจ1หญ่■..ใหญ่กว่าอีตานี''แน่นอน
•ฉันขอดูบัตรประจำตำแหน่ง จะได้รู้ว่าคุณน่ะเป็นตำรวจจริงหรือปลอม มีมั้ย" แกล้งตีรวนหน้าตาเฉย
ได้ผล...เมื่อบุรุษนายนั้นชะงัก แต่เพยงชั่วครู่ก็หยิบบัตรประจำตำแหน่งจาก กระเปาสตางค์ใบจิ่วที่กาซะลองรู้สีกว่าช่างคุ้นตาอย่างเหลือเกินออกมายื่นให้เห็น ตรงหน้า
คราวนี้กาซะลองเป็นฝ่ายชะงักบ้างเมื่อปรายตาไปเห็นชื่อที่ปรากฏอยู่ บนนามบัตรนั้นอย่างชัดเจน 'ร.ต.อ. ศกร ศุภเศรษฐ์'
มือแข็งแรงเอื้อมขึ้นไปถอดแว่นดำอันนั้นออก ขณะประสานสายตากับหล่อน
"พอจะเชื่อถือได้มั้ยครับ คุณกาซะลอง" จักรยานล้อโต
เหมือนจะเห็นรอยยิ้มยั่วในแววตานั้น ริมฝีปากเต็มอิ่มเม้มเข้าหากัน อย่างโกรธจัด นิ่กิ่ปีแล้วหนอที่ไม่ใต้เห็นหน้าตาบ้าบอกวนประสาทนี่ อีตาศกร อีตาบ้า อีตาสารผัด...ตามมารังควานฉันอีกแล้ว
นี่คงจะหัวเราะเยาะความเบิ่'นเฟอะของฉันอีกล่ะสิ.'
"ต้นไม้มันขวางถนนอย่างนี้ รถของคุณคงยังไปต่อตอนนี้Iม่ได้ ผมว่าคุณ ไปพักที่ป้อมตำรวจก่อนดีมั้ย ให้เจ้าหน้าที่เขาจัดการให้เรียบร้อยก่อน แล้วจะ ไปไหนค่อยไป"
รู้หงรู้วาหล่อนจะใปใหน ยังจะมากวนประสาทอยู่ใด้
"นานมั้ย" ถามเสียงห้วนและกวนประสาทกลับไปบ้าง "เพราะฉันไม่ชอบ คอยอะไรนานๆ"
"ก็...แล้วแต่ความร่วมมือของคุณ" จักรยาน fat bike
กาซะลองค้อนขวับ สุดท้ายเขานั่นแหละที่ถือไพ่เหนือหล่อน...เช่นเคย "แล้วฉันต้องทำยังไง'
ทีไปชนกับสิงกีดขวางเข้าอย่างจัง
หญิงสาวนั่งตัวสั่นด้วยแรงตระหนกก่อนจะเรียกสติคืนพร้อมทั้งฉวย โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมาโดยเร็ว แต่เพียงชั่วครู่ที่เจ้าเครื่องสือสาร อันจิ๋วต้องมีอันระเห็จกลับไปนอนแอ้งแม้งอยู่ที่เดิม
"โธ่ถัง! ไหนคุยนักหนาว่าโทรได้ทุกสารทิศ แคนก็เจ๊งชะแล้ว ประเดี๋ยว กลับไปก็โละซะหรอก"
ปนออกมาด้วยแรงหงุดหงิด ลืมนึกถึงไปว่า 'แค่นี้, ที่พูดออกมานั้น เข้าส่เขตจังหวัดเชียงรายเหนือสุดของประเทศไทยไปเรียบร้อยแล้ว
มือเรียวงามเคาะลงบนพวงมาลัยขณะใช้ความคิด แต่ดูเหมือนเมื่อความมืด ยิ่งปกคลุม เจ้าตัวก็ยิ่งจะคิดไม่ออกด้วยใจมัวไปจินตนาการถึงละครหลากหลาย เรื่องที่เคยเล่น ทั้งภูตผีปีศาจและฆาตกรรม จนอดคิดไม่ได้ว่าท่ามกลางสายฝน ที่เทกระหนํ่าในบรรยากาศของแสงสว่างริบหรี่ หากปรากฏสิงที่เหนือธรรมชาติ โผล่ออกมาเหมือนในละครหล่อนจะทำอย่างไร
"น่าเขกกะโหลกตัวเองแท้ๆ เลย ปีบนะปีบ เมื่อไหร่เธอจะหายอาการ ใจร้อนแบบนี้ซะที" ปนตัวเองอย่างโกรธๆ ด้วยรู้นิสัยตัวเองดีว่าขบวนการใจร้อน ไม'มีใครเกิน...แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อความฝืนเมื่อคืนมันช่างน่าหวาดกลัว...
ภาพที่คุณยายนอนจมกองเลือดอยู่บนเตียงท่ามกลางข้าๆของที่กระจัด กระจายยังติดอยู่ในใจไม่เลือนราวกับเป็นความจริง หนำซํ้าโทรศัพท์ยังติดต่อไม่ ได้ มันเป็นเรื่องที่ผิดปกติวิสัยเพราะหล่อนกับคุณยายมักจะโทรศัพท์คุยกัน อยู่ตลอด อย่างน้อยอาทิตย์ละสองสามครั้ง...แต่นี่มันเกิดอะไรขึ้น
มีอะใรเกิดขึ้นที่คุ้มภูคากาซะลอง จักรยาน
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน เหมือนกับทุกครั้งที่อยู่ในสภาวะยุ่งยากใจ ฉับพลันต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อกระจกรถถูกเคาะปังๆๆ เร็วราวกับอัตโนมัติที่กาชะลองหยิบกระบอกปีนด้ามจิ๋วซึ่งซ่อนอยู่ใน กระเป้าถือมาถือไว้กับตัว พร้อมทั้งหันขวับไปยังต้นเสียง
ท่ามกลางกระจกที่ฝ็ามัว หล่อนเห็นบุรุษสองนายนั่งอยู่บนมอเตอร1ชค์ คันโต ทั้งคู่ช่อนกายอยู่ในเสิอกันฝนสีหม่นที่คลุมไว้ตั้งแต่สีรษะจรดปลายเท้า เห็นเพียงใบหน้าที่โผล่พ้นผืนผ้ายางออกมาเพียงเล็กน้อย แต่กระนั้นดวงตาของ
จักรยาน

"นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ มาช่วย"

ทั้งคู่ก็ถูกซ่อนอยู่ในแว่นกันแดดอันโตจนมองไม่เห็นถึงแๆวตๅที่9ๅจทําให้หล่อน เดาอะไรๆ ออกได้
"มีอะไร" หล่อนถามเสียงห้วน แต่ดูเหมือนคนที่อยู่ภายนอกจะไม่ได้ยิน เพราะเสียงฟ้าฝนที่ก้องคำรามรวมทั้งถูกปิดกั้นด้วยกระจก ท้ายสุดร่างสูงใหญ่ ของคนที่นั่งช้อนหลังจึงต้องก้าวลงมาจากรณเละเคาะกระจกหล่อนโดยแรง
"เปิดกระจกก่อนคุณ นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ"
จากม่านกั้นของกระจกรถเหมือนจะอ่านความหมายได้อย่างนี้ กาชะลอง อ้าปากหวอ ชิ! ใครจะเชื่อ หน้าตาอย่างกับผู้ต้องหา ถนนหนทางก็เงียI/อย่างนิ้ ขืนเปีดลงไปก็บ้าแล้ว
หล่อนส่ายหัวดิก บุรุษนั้นเกาหัวยิกทั้งที่สีรษะปกคลุมด้วยหมวกเสือกันฝน
"นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ มาช่วย" จักรยานล้อโต
กาซะลองเฉย คนสมัยนIว้ใจกันได้ที่ไหน หล่อนยังไม่อยากเป็นข่าว หน้าหนึ่งว่านางเอกชื่อดังถูกฆาตกรรมอ^บนทางเปลี่ยว "เปิดกระจกนิดนึงกั๊ได้ ผมไม่อยากตะโกน" กาชะลองยังคงเฉย
"อุวะ!" เขาทำท่าอ่อนใจ ก่อนบุ้ยใบไปทางด้านหลัง กาซะลองเอี้ยวตัวหัน ไปมองตาม ที่นั่นหล่อนเห็นรถกระบะคันเก่ามีโลโก้ของกรมตำรวจอย่างชัดเจน
และมีไซเรนติดไว้อย่างเด่นชัด แต่อย่างว่า คนสมัยนั๊[ว[จกันได้ที่ไหน รถของ หล่อนก็ยังใหม่ ตัวหล่อนเองก็เป็นแค่ผู้หญิงตัวคนเดียว จักรยาน fat bike
อาการหน้าเชิดจึงเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ...กำปืนในมือแน่น อะไรจะเกิดก็เกิด
หล่อนจะสู้ยิบตา! "นี่คู้ณ"
กาซะลองว่าหล่อนได้ยินเสียงเขาตะโกนอย่าง...แรง "นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ มาช่วย จะให้ช่วยรึเปล่า"
เอ๊ะ พูดแมวๆ อย่างนี้ก็สวยสื ผู้พิทักษ์กันติราษฏร์มาพูดกับประชาชน
อย่างนIด้อย่างไร หญิงสาวค่อยๆ เลื่อนกระจกลงแต่ก็เพียงนิดเดียว ก่อนตะโกน ตอบไปว่า "แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าคุณเป็นตำรวจจริงหรือปลอม' จักรยาน
"คนที่นี่เขาไม่โกหกกันหรอกคุณ ไม่เหมือนพวกที่ค้าเงา เอะอะๆ ก็เอา
ฝนที่เทกระหนํ่าลงมาอย่างไม่ลืมหูลีมตาไม่ก่อให้เกิดความประหวั่น พรั่นพรึงแก่ผู้ที่กำลังห้อรถมาด้วยความเร็วสูงแต่อย่างใด เนื่องด้วยยี่ห้อของรถคัน นั้นบ่งบอกให้รู้ถึงความพิเศษของเครื่องยนต์สมรรถนะดีเยึ่ยมที่เพิ่งอิมพอร์ตมา จากต่างประเทศ ซึ่งในเมืองไทยมีอยู่เพียงไม่กี่คัน และด้วยสนนราคาที่แพง ระยับจึงทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจได้ว่าอย่างไรเสียเจ้ารถคันนี้คงพาไปถึงที่หมายได้ อย่างปลอดภัย
แต่บรรยากาศเมื่อยามอาทิตย์อัสดงและความมืดครึ้มที่เริ่มโรยตัวลงอย่าง รวดเร็วนั่นต่างหากที่ทำให้คนที่อยู่ภายในต้องห่อตัวเข้าหากันด้วยความหวาดหวั่น ดวงตายาวเรียวกวาดมองไปตามสองข้างทางที่เงียบสงบ•••เงียบจนน่าสะพรึง เพราะมีแต่ต้นไม้เขียวครึ้มขึ้นอยู่ และไร้ชึ่งผู้คนสัญจรรวมทั้งพาหนะขับผ่าน แทบไม่น่าเชื่อว่า ณ ที่แห่งเดียวกันนี้หล่อนจะเคยชื่นชมพิสมัยยามเมื่อยังเยาว์วัย แต่นั่นก็ยังไม่ร้ายเท่ากับสายฟ้าสว่างที่ฉายแสงวาบลงมาส่พี้นดินอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเสียงกึกก้องกัมปนาท ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นที่ต้นไม้ใหญ่ข้างทาง ล้มครืนลงมาขวางถนน กาซะลองหวีดร้องขึ้นมาสุดเสียง และโดยอัตโนมัติที่ หล่อนเหยียบเบรกรถโดยทันที แต่แม้กระนั้นก็ยังรู้สืกถึงแรงกระแทกของตัวถัง
จักรยาน fat bike

ค่าใช้จ่ายอะไรขึ้นมา

ในชีวิตการทำงานที่เป็นจริง มีคนอยู่จำนวนหนึ่งครับเป็นพวก ลัทธิเถรตรง
ฝ่ายเร่งรัดหนี้สินที่ติดตามทวงหนี้จากลูกหนี้ลูกหนIม่จ่ายเงิน ตามกำหนด เขาก็ตัดชื่อออกจากบัญชีลูกค้าทันทีโดยไม่ยอมหาวิธี ผ่อนปรนอะไร
ฝ่ายเก็บเงินลูกค้า กะเกณฑ์ให้ลูกค้าต้องจ่ายเงินเป็นเช็ค อย่างเดียว ลูกค้าจะจ่ายเงินสดก็ไม่ยอมรับ
ผู้จัดการฝ่ายบุคคลพบว่าพนักงานมีความผิดอะไรก็ตามต้องใช้ กฎระเบียบบริษัทเล่นงานพนักงานทันทีทันควัน
ฝ่ายจัดส่งสินค้าจะขอส่งของให้ลูกค้าด้วยวิธีการเดียวเท่านั้น ซึ่งช้าไม่ทันความต้องการของลูกค้า แทนที่จะหาวิธีส่งอย่างอื่นที่รวดเร็ว กว่าไต้
ฝ่ายบริการไม่ยอมบริการอะไรให้ลูกค้านอกเหนือจากบริษัท ให้ทำทั้ง ๆ ที่สามารถทำไดโดยไม่ไต้เพิ่มค่าใช้จ่ายอะไรขึ้นมา จักรยานล้อโต
นี่คือลัทธิเถรตรงที่ทำลายสัมพันธภาพระหว่างผู้ขาย กับ ผู้ซึ้อ ระหว่างบุคคลต่อบุคคล ระหว่างบริษัทต่อบริษัท
ในการทำงานที่เป็นจริง มักมีรายละเอียดวิธีการต่าง ๆ ที่อาจ อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่กำหนดไว้และมักจะมีสถานการณ์ใหม่ ที่ต้องใชวิจารณญาณซึ่งแตกต่างไปจากกฎเกณฑ์ที่วางไว้เดิม
กรรมการผู้จัดการของบริษัทหนึ่งหัวเสียเอามาก ๆ กับบรรดา ผู้จัดการฝ่ายทั้งหลายที่มาทำงานสายกันเป็นประจำ เขามาถึงที่ทำงาน ตอน ๙.๓๐ น. ปรากฏว่าลูกน้องมากันเพียง ๒-๓ คน จากจำนวน พนักงานทั้งหมด ๑๘ คน
พอเข้มงวดกวดขันกันที ก็มาเช้ากันสักพักแล้วก็เช้ารูปเดิมอีก เหตุที่ลูกน้องมาสายไม่ใช่อะไรอื่นครับ เป็นเพราะผู้จัดการก็ จักรยาน fat bike
มาสาย
มีเหตุแก้ตัวกันไปเป็นทอด ๆ
ถามว่าความผิดอยู่ตรงไหนก็ควรตอบว่าอยู่ที่ผูใหญ่ไม่ทำตน
เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกน้อง จักรยาน
ผมได้สังเกตพฤติกรรมของบุคคลในองค์การหลาย ๆ แห่ง
ได้พบความเป็นจริงว่า บรรยากาศในการทำงานจะดีหรือไม่ จะมีชีวิตชีวา
หรือไม่ อยู่ที่ด้นแบบคือผู้Iหญ่ในบริษัทนั้น ๆ นั่นเอง ผูใหญ่มาสาย ลูกน้องมาสายด้วย ฝูใหญ่เฉื่อยงาน ลูกน้องเฉื่อยงานด้วย ผู้ใหญ่ไม่รับผิดชอบ ลูกน้องก็ไม่รับผิดชอบด้วย ผู้Iหญ่โยนความผิดให้ผู้อื่นเป็นประจำ สูกน้องก็ทำอย่างนั้นด้วย ครั้นผูใหญ่กระฉ้บกระเฉงปีชีวิตชีวา ลูกน้องก็สดชื่นกระปรี้
กระเปร่าด้วย
จักรยานล้อโต

วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สูดความหอมบางเบา

ตัว หรือคุณยายจะเป็นห่วงจึงมาเฝัาวนเวียนห่วงใย ผุดลุกขึ้นทันที ไม่ได้มีแม้ ความหวาดหวั่น ไม่ได้เกรงกลัวสักนิดหากคุณยายจะมาปรากฏร่างให้เห็นตรง หน้า กาซะลองวิงวอนอย่างโหยไห้
"คุณยายคะ คุณยายอยู่ที่ไหน คุณยายออกมาหาปีบสิคะ" เหมือนจะมี ความหวัง แต่ทุกสิงรอบตัวกลับมีแต่ความว่างเปล่า ยินเพียงเสียงหรีดหริ่งเรไร ไล่เสียงกันมาจากเนินเขา
ลมหนาวโชยมา แต่ร่างบางกลับมิได้สั่นสะท้าน ด้วยนํ้าอุ่นๆ ไหลลงมา จากดวงตาคู่สวยเป็นทาง คุณยายอยู่ที่ไหนหนอ ทำไมไม่คิดถึงปีบบ้างเลย ทรุดตัวลงนอนที่เตียง ฉวยผ้าห่มผืนหนามาคลุมร่าง เพียงสัมผัสแรกหญิงสาวก็ รับรู้ถึงความอบอุ่น กลิ่นคุ้นเคยกรุ่นกลิ่นอยู่ปลายจมูก กาซะลองแนบหน้าลง กับผ้าเนี้อนุ่ม สูดความหอมบางเบา
คุณยายขา ปีบคิดถึงคุณยายเหลือเกินค่ะ จักรยานล้อโต
เหมือนเวลาจะผ่านไปนานแสนนานในห้วงนิทรานั้น มารู้สืกตัวอีกทีเมื่อมี สัมผัสอ่อนนุ่มแตะลงตรงดวงหน้า รอยสัมผัสที่ช่างอบอุ่นเหลือเกิน หญิงสาวยิ้ม ละมุน ริมฝืปากเต็มอิ่มพึมพำ
คุณยาย...คุณยายมาหาปีบแล้วใช่มั้ยคะ
สองมือเรียวไขว่คว้าไปมาในอากาศ มันไม่ได้ว่างเปล่า เมื่อกาซะลองสัมผัส ถึงเนื้ออุ่นๆ นุ่มๆ หล่อนบีบกระชับมือผอมเกร็งไว้แน่น แนบหน้าลงอย่างหวง แหน ปีบจะไม่ยอมให้คุณยายไปไหนอีกแล้ว คุณยายอย่าทิ้งปีบไปนะคะ! จักรยาน fat bike
ในความรู้สีกรางเลือน เหมือนมีนื้าอุ่นๆ หยดลงมาสัมผัสที่ดวงหน้า แต่ในยามนี้กาซะลองไม'ได้สนใจ ด้วยว่าความอบอุ่นจากมือนุ่มคลายความกังวล ได้ทุกอย่าง
สำหรับกาซะลอง นิทรานี้ซ่างอบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งความรักเหลือเกิน
นายแพทย์สฤษด์คุณฟังคำบอกเล่าของมารดาด้วยอาการนิ่งเฉย เหตุการณ์ หลายอย่างที,เกิดขึ้นทำเอาแม่ชักเพี้ยน โม่อยากเชื่อว่าแม่จะรักผูกพันกับคุ้ม ภูคากาซะลองขนาดนั้น โลกเต็มไปด้วยความฉาบฉวย และเขาก็ไม่เคยเห็นแม่ จะชาบซึ้งกับอะไรสักอย่าง ดูเหมือนชีวิตแม่จะมีแต่ความเร่งรีบร้อนรน แม้แต่
เป็นคนที่มืสิทธิที่จะครอบครองต่อคือกาซะลอง ในเมื่อหลานสาวคือคนที่ผู้เป็น ป้าทั้งรักทั้งห่วงมากที่สุด การที่แยกตัวออกจากคุ้มมานาน เขากับแม่ไม่มืสิทธิ แม้แต่จะคิด
คุณพันธุรพีได้แต่นิ่ง ที่ลูกชายพูดมันก็ถูก สัทธิการขายคุ้มไม่น่าจะตก มาถึงมือหล่อน
ด้วยนับตั้งแต่แยกตัวห่างออกไปพร้อมกับเงินก้อนโต พี่สาวก็ไม่เคยพูดถึง การเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเรือนไทยหลังใหญ่ อย่างดีก็มีสิทธิเพียงแค่เป็นน้องสาว เจ้าของคุ้มที่ทำให้คนนับหน้าถือตาขึ้นมาหน่อย
ถอนหายใจออกมาเฮือก หล่อนเองก็เพิ่งโปอาละวาดกาซะลองเรื่องชายคุ้ม มันคงน่าขายหน้าหากว่าเขาแต่อิเหนาเป็นเสียเอง ส่วนเรื่องเผาคุณปรียางค์ศรี นั่นยิ่งแล้วใหญ่ หลานสาวรักผู้เป็นยายมาก กาชะลองคงไม่ยอม แต่เรื่องแบบ นี้มันน่าลองสักตั้ง อย่างน้อยก็เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย โดยเฉพาะตัว หล่อนและสฤษด์คุณ มรดกของผู้เป็นพี่ตกเป็นของน้องของหลานยังดีกว่าให้ ไอ้หน้าปลาจวดลูกชายท่านรัฐมนตรีชุบมือเปีบ ก็คงจะต้องรอ จนกว่ากาซะลอง จะกลับมา และถึงตอนนั้นหล่อนคงต้องพูดกับหลานสาวใหม่
แม้จะมีความหวังรออยู่เพียงริบหรี่...แต่มันก็ต้องลอง จักรยาน
มันเป็นเวลาเกือบตีสามเมื่อศกรหยิบนาฟิกามาดู ลมหนาวพัดเย็นจน ไหล่สะท้านแม้จะห่อหุ้มร่างกายไว้ด้วยเสือตัวหนา ร่างสูงใหญ่กระชับเสื้อกันหนาว ตัวโคร่งให้แน่นเข้า อดคิดไปถึงคนที่นอนอยู่ที่บ้านเชิงเขาไม่ได้ ปานนี้หล่อนจะ เป็นอย่างไร จะนอนหลับบ้างไหมในเรือนหลังเล็กที่ไม่คุ้นเคย
ร่องรอยเศร้าหมองในดวงตาโหวงเหวงสะกิดให้เขาอาทรไม่รู้หาย เหมือน ไม่มืลิ'งใดเลยที่จะมาลบล้างความทุกข์ชองหล่อนได้ นอกจากการฟืนคืนชีวิตของ คุณปรียางค์ครี
ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ปาฏิหาริย์ การฟืนชีวิตของคนตายดูจะเป็น ไปไม่ได้ แต่หากจะเกิด ความจริงมันก็คือความจริง
เสียงกริ่งโทรตัพท์กรีดร้องขึ้น นายสิบที่นั่งหาวหวอดๆ อยู่กับโต๊ะผวา ลนลานจะลุกไปรับ แต่ไม่ทันผู้กองร่างใหญ่ที่กรอกเสียงลงไปทันควัน
จักรยาน

เมือดีคงเรื่องใหญ่

"สภอ. ภูคำ ผม ร.ต.อ. ศกร ศุภเศรษฐ์ ยินดีรับใช้ครับ" นุ่มนวลหนักแน่น แต่ปลายสายที่ตอบมาทำเอาคิ้วเข้มขมวด
"ชะ...ช่วยด้วย ฉะ...ฉันถูกทำร้าย ชะ...ช่วยด้วย" เสียงแหบพร่าคล้าย สตรีมีแววโหยไห้ เสียงสะอื้นแทบจะกลบเนึ้อเสียงที่แท้จรํง แรงหวาดหวั่นตระหนก ขาดเป็นห้วง ศกรรีบกดเรคคอร์ดตัวเทปที่พ่วงติดกับโทรศัพท์ สิบเวรที่ทำท่าจะ หลับมิหลับแหล'หายง่วง เผ่นผลุงมายืนข้างผู้กองที่กำลังยืนหน้าเครียด "ใคร ทำร้ายคุณ"
"ฉันบอกไม่ได้ คุณตำรวจรีบมาเถอะค่ะ มาช่วยฉันด้วย" "ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน"
ปลายสายบอกสถานที่ก่อนยํ้า "ผู้กองมาคนเดียวนะคะ ถ้าตำรวจมากัน หลายๆ คน ดิฉันต้องตายแน่ๆ ค่ะ"
สิบเวรตาเหลือก ไม่มีเวลาลุ้นเมื่อได้ยินผู้กองบอกชัด "ได้ ผมจะไปเดี๋ยวนี้" "เอาอย่างงั้นจริงเหรอครับผู้กอง"
ทันทีที่วางสายสิบเวรก็ถามเสียงรัว กิตติศัพท์ความใจเด็ดของผู้กองศกร รู้กันถ้วนทั่ว จะเสี่ยงอันตรายแค่ไหนไม'เคยกลัว ขอให้ประชาชนปลอดภัยเท่านั้น จักรยานล้อโต
พอ แต่อย่างนี้ก็1ม่นา... โจรผู้ร้ายเดี๋ยวนี้มันไว้ใจได้ที่ไหน แผนพิษสารพัด ผู้กอง
ศกรยิ่งตงฉินอยู่ด้วย ใครเจ็บใครแค้นบ้างก็ไม่รู้ เผื่อผิดพลาดขึ้นมาเสียนาย
ตำรวจ?เมือดีคงเรื่องใหญ่
"ผมว่าให้พวกเราไปช่วยด้วยดีกว่า ตามไปก็ยังดี" เดาใจไม่ถูกเมื่อผู้กอง
มาดเข้มยังยืนเฉย ตามองไปที่เทปเครื่องจิ๋วพลางออกคำลัง
"จ่าช่วยเอาเทปไปให้ผู้กองธีรัชดูดีกว่า ผมคิดว่ามันน่าจะมีอะไร" "มีอะไรหรือครับ" สายตาของสิบเวรบอกความฉงนสงสัยเต็มแก่ แต่ผู้กอง
ร่างใหญ่ไม่ตอบ ร้อยตำรวจเอกศกรเพียงบอกสันๆ
■จัดการอย่างที่ผมสั่งแล้วกัน ส่วนเรื่องนี้ผมจัดการเอง"
ร่างสูงใหญ่เดินตุ่มๆ ไปยังรถคู่ใจ ครุ่นคิดไปถึงนี้าเสียงสันเครือหลุดหาย
เป็นช่วง เนี้อเสียงแหลมเล็กปน?1เด้วยความแหบพร่า ความตระหนกลนลาน ชัดเจนจนไม่เหลีอเค้าของความหวาดหวั่นเกรงกริ่งในอันตราย ด้วยประสบการณ์ การทำงานมานานปี ลางสังหรณ์บางอย่างส่งสัญญาณมาเตือนอย่างเงียบๆ
ผุดขึ้นเป็นระลอก เหตุ1ดบุรุษผู้นั้นถึงได้กลายเป็นดิสธร!
กาชะลองนั่งฟังอย่างนิ่งสงบ แต่คำถามก็เกิดขึ้นมากมายไม่แพ้กับศกร เหตุโดดิสธรถึงต้องทำอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ลูกชายฟานรัฐมนตรีไม่ได้มีเรื่องบาดหมาง กับร้อยตำรวจเอกศกรมาก่อน
หญิงสาวจรดสำลีเนื้อนุ่มชุบแอลกอฮอล์เช็ดแผลตรงบริเวณปลายคางของ เสียวหน้าคมอย่างแผ่วเบา เลือดสดๆ ยังซึมออกมาอยู่ตรงบริเวณบาดแผล พยายามที่จะไม่รบกวนร่างสูงใหญ่ที่นอนผ่อนลมหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย เหมือนเขาจะครุ่นคิดอะไรอยู่ จักรยาน fat bike
"มันน่าสงสัยใช่มั้ยคะ ทำไมดิสธรถึงต้องทำร้ายคุณ"
ตาต่อตาสบกันและศกรก็เห็นคำถามในดวงตาคู่สวย หล่อนก็คงแปลกใจ ไม่แพ้เขา ด้วยว่าบุรุษนั้นเหมือนจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้นจนเป็นมูลเหตุ ให้ต้องวางแผนทำร้าย และด้วยท่วงท่ารูปลักษณ์ที่เห็น ใครคนนั้นไม่น่าจะเป็น ลูกชายคนเดียวของท่านรัฐมนตรี
เหมือนกาซะลองจะล่วงรู้ว่าผู้กองหน้าเข้มกำลังมีเรื่องที่ปิดบังหล่อน หญิงสาวเค้นเสียงเข้ม
"บอกฉันมานะคะ ว่าคุณคิดอะไรอยู่ ห้ามปิดบังฉัน 'ทุกเรื่อง' เหมือน อย่างที่คุณเคยปิดบังฉัน" หน้างองา ริมฝีปากเต็มอิ่มยื่นออกมาอย่างขัดใจ ยิ่ง คิดขึ้นมาก็ยิ่งอยากทุบคนที่นอนเจ็บอยู่ตรงหน้า คนบ้า เล่นอะไรไม่รู้พิเรนทร์
"คุณรู้มยคะ แผนบ้าแผนบอของคุณทำเอาฉันใจแตกสลายนอนร้องไห้ ไม่รู้กี่คืนต่อกี่คืน นะคะ ครั้งนี้มีอะไรคุณต้องบอกฉัน ไม่งั้นคุณเจ็บจริงๆ ด้วย"
ศกรฉวยมือนุ่มที่ทำท่าจะเงื้อหมัดมาตรงหน้า หน้าคมเข้มยิ้มอ่อน ความ อ่อนหวานนับวันยิ่งจะเกาะกุมหัวใจเขาแนบแน่น ชายหนุ่มบีบมือน้อยนั้นเบาๆ จักรยาน
"ผมขอโทษ แต่ผมก็คิดว่ามันคุ้มนะเพราะตอนนี้เราเริ่มเดินมาถูกทางแล้ว"
กาชะลองถอนมือออก แววตาเขาบ่งบอกความนัยจนไม่กล้าแม้แต่จะสบตา หญิงสาวกล่าวอ้อมแอ้ม "งั้นบอกฉันได้มั้ยคะว่าคุณสงสัยอะไรเกี่ยวกับดิสธร"
"ผมไม่ได้สงสัยอะไรคุณดิสธรเลยนะ และคิดว่าเรื่องนี้เขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยว ข้องด้วย"
จักรยาน fat bike

"มีใครอยู่มั้ยครับ"

สตรีนางนั้นไม'น่าจะตกอยู่โนอันตรายอยางแท้จริง บาง3งเพมีอนจะมีเงื่อนงำ
ไม่อาจบอกได้ว่าเกี่ยวกับตัวเขาเองหรือกาซะลอง!
รถทะยานไปเบื้องหน้าฝ่าม่านทึบของหมอกขาวและอากาศที่หนาวเหน็บ ฝีาขาวจับตัวเป็นกลุ่มเห็นราวกับเงาปีศาจกำลังเคลื่อนไหวไปมา เพียงแวบที่เงาเงา หนึ่งเคลื่อนผ่านหน้ารถไปอย่างรวดเร็ว ศกรแตะเบรกกะทันหัน ค่อยโล่งอกเมื่อ สังเกตเห็นกิ่งไม้แห้งหล่นห้อย นึกขำที่ความกังวลทำให้เป็นไปได้ถึงเพียงนี้ ค่อยสลัดความกังวลทั้งหมดและเร่งเครื่องยนต์ให้ทะยานไปเบี้องหน้าเร็วยิ่งขึ้น
ชั่วครู่รถคู่ใจก็พามาถึงสถานที่ที่แจ้งเหตุ ร่างสูงใหญ่พาตัวเองเดินสำรวจ รอบๆ บริเวณอย่างระแวดระวัง ท่ามกลางความมีดมิดแห่งราตรีกาล ดวงตา คมกริบแลเห็นบ้านไม้หลังเล็กที่ช่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้หนาทึบนานาพันธุ ความ อึมครึมของบรรยากาศเหมือนจะยิ่งทำให้บ้านน้อยหลังนั้นดูวังเวง
ศกรจรดฝีเท้าเข้าไปภายใน ความเงียบสงัดยิ่งทำให้ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น ไม่มีวี่แววของการต่อ3ทำร้าย ทุกอย่างปกติไม่มืวี่แววของผู้อยู่อาศัยเลยด้วยซํ้า จักรยานล้อโต
เหมือนจะจริงดังคาด เหตุการณ์นี้น่าจะมีเงื่อนงำ
"มีใครอยู่มั้ยครับ"
ท้ายสุดก็ตัดสินใจตะโกนถาม แต่ที่สะท้อนกลับมาคือเสียงของตัวเอง ยินเสียงฝีเท้ากระทบพื้นแผ่วเบา ศกรหันขวับแต่ยังช้ากว่าท่อนไม้ขนาดเขื่องที่ ถูกเหวี่ยงเข้ามา ร่างสูงใหญ่กระโดดหลบ แต่กระนั้นท่อนไม้ก็ยังฟาดเข้าที่ไหล่ อย่างจังพร้อมกับบุรุษร่างกำยำถลันเข้ามา
สัญชาตญาณแห่งการป้องกันตัวบอกให้ผู้กองหนุ่มต้องต่อสู้ ไม่มีการ ยั้งมือด้วยต่างฝ่ายต่างต้องการเป็นผู้ชนะ แต่กระนั้นร้อยตำรวจเอกศกรยังรู้สีก ถึงความไม่จริงจังในการต่อสู้ เหมือนอีกฝายจะพยายามหลบเลี่ยงและพยายาม ทีจะหนีอยู่ตลอดเมื่อรู้ตัวว่าต้องตกเป็นผู้ฟายแพ้อย่างแน่นอน จักรยาน fat bike
แวบหนึ่งที่ความคิดหนึ่งบังเกิด ศกรผลักร่างกำยำนั้นออกพร้อมกับสวน กำป้นออกไป มันกระทบกับปลายคางของอีกฝ่ายอย่างจังพร้อมกับร่างหนานั้น ทำท่าจะทรุดแต่ยังแข็งใจลุกขึ้น ชั่ววินาทีที่ศกรเห็นเสียวหน้านั้น
ตะลึงไปครู่เมื่อเห็นใบหน้าขาวผ่องนั้นชัดเจนและอีกฝ่ายก็รีบฉวยโอกาส หนีหายไปกับความมืดอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ผู้กองหนุ่มยืนนึ่ง คลื่นความสงลัย
"แล้วที่เขามาทำร้ายคุณ"
"ผมคิดว่าอาจจะไม่ใช่เขา ดิสธรมีรูปร่างผอมบางออกจะติดก๊องแก๊ง เสียด้วยซํ้า แต่คนที่มาทำร้ายผม เขาตัวกำยำสูงใหญ่ ความแข็งแรงผิดกันเยอะ, "แต่คุณบอกฉันว่าคุณเห็นเป็นดิสธร" "สิงที่เห็นอาจไม่ใช่ เรื่องที่รู้อาจไม่จริง"
"นี่มันไม่ใช่หนังไม่ใช่ละครที่ฉันเล่นนะคะ จะได้ลึกลับซับซ้อนขนาดนี้" ค้านเสียงอ่อย ชีวิตที่โลดแล่นอยู่กับการแสดงทำให้มองภาพเหล่านี้แทบไม่ออก ความว่นวายซับซ้อนเหมือนจะห่างจากชีวิตจริง เหมือนจะรู้ ผู้กองหน้าเข้มยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก
"บางทีชีวิตจริงกับการแสดงก็แยกกันแทบไม่ออก คุณไม่เคยได้ข่าวหรีอ ที่ผู้ร้ายขนยาเสพติดผ่าตัดสัลยกรรมใบหน้าเพื่อที่จะหลบหนีออกประเทศนั้นเข้า ประเทศนี้" จักรยาน
"นั่นมันจำเป็นนี่คะ แต่คนที่มาทำร้ายคุณ เขาจะ 'ลงทุน' ผ่าตัดหน้าขนาด นั้นเชียวหรือ"
อยากจะชำกับก้อยคำชองหล่อน   แต่คนที่อ่อนประสบการณ์เกี่ยวกับIจ'3
ผู้ร้ายมักคาดไฝถึง คนที่8นดานเป็นโจรทำอะไรได้มากกว่านั้น
"ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผมเพียงแต่คิดว่าเรื่องนี้มันต้องมีเงื่อนงำ
คนก่อเหตุอาจจะต้องการโยนความผิดให้กับดิสธร" ''เพื่ออะไรคะ"
"นั่นแหละคือสิงที่เราต้องค้นหาคำตอบ"
เป็นสิงที่เกินความคาดหมายและกาซะลองก็ได้แต่นั่งนิ่งๆ ความสับสน รุมเร้าจนยากทีจะทำสิ'งโด หล่อนเริ่มคลำทาง1ม่ถูก จุดประสงค์ชอง1ครคนนั้น ต้องการอะไรกันแน่
"แล้วฉันต้องทำยังไงคะ,
"ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ทำตัวให้เป็นปกติ คนที่เรากำลังตามหาเขาอาจ อยู่ไม่ไกล"
จักรยานล้อโต

วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ศกว่าปีบกับคุณดิสธรเขาจะไปกันรอดมั้ยคะ

กับศกไว้นะว่าอยากไปนํ้าตกขุนกรณ์ เห็นเขาว่าสวย แต่ถ้าปีบกับคุณดิสธรอยาก ไปดอยแม่สลองก่อนก็ไม่เป็นไรนะ ตามสบายจ้ะ แล้วเจอกันนะคะคุณดิสธร' ประโยคหลังหันมาพูดกับหนุ่มหน้าตี๋ ดิสธรรับคำอย่างกระตือรือร้น แต่ตาแทบ ไม่ได้มองที่ศรานตาเลย ตาเรียวตี่กลับจ้องอยู่ที่หน้าสวยใสของแพรสา
เด็กอะไร ยิ่งมองก็ยิ่งสวย! จักรยานล้อโต
แสดงออกอย่าง^ดเจนขนาดนี้จึงไม่แปลกที่พยาบาลสาวจะจับเป็นหัวข้อ สนทนา เมื่อผู้กองหนุ่มขับรถแล่นออกมาจากคุ้มภูคากาซะลองได้ไม่นาน
"น่าเห็นใจปีบจังนะคะ ยืนหน้าตูมเชียว คุณดิสธรเล่นจ้องเด็กในบ้านไม่
วางตา"
คนขับทำหูทวนลม ทำไมจะไม1เห็น ในเมื่อคุณเธอปีนทำหน้าบฎกบุญ ไม่รับ คงจะยอกแสลงหัวใจ8ท่า ที่หนุ่มคู่รักไปสนใจหญิงอื่น แถมหญิงคนนั้น ยังเป็นเด็ก ในอาณัติปกครอง
"ศกว่าปีบกับคุณดิสธรเขาจะไปกันรอดมั้ยคะ"
"ไม่รู้สิครับ ผมไม่ค่อยลันทัดเรื่องแบบนี้เท่าไหร่" ปฏิเสธ แต่ในใจแอบคิด
สาธุ ขอใหIปไม่รอด จะได้... รีบหยุดความคิดที่กำลังจะเกิด จะเป็นไปได้ อย่างไรในเมื่อเจ้าหล่อนเกลียดเขาอย่างกับอะไรดี เจอหน้าทีไรต้องทำหน้าหงิก หน้างอ แถมมีแต่คำว่าเจ็บๆ แสบๆ คันๆ ตั้งแต่ตัวเท่ากำปีนจน1ต
แต่ในสายตาเขา...แม่ลูกเป็ดขี้เหร่คนนี้ก็ยังน่ารักฎยู่ดี จักรยาน fat bike
ศรานตาเอนหลังพิงเบาะตามสบายเลยไม่ได้สังเกตเห็นอาการเผลอยิ้มของ ผู้กองหนุ่ม พยาบาลสาวพูดต่อราวกับกำลังถกถึงเรื่องสำคัญที่ต้องการหาข้อสรุป
"อุ๊ว่าปีบกับคุณดิสธรคงไปกันไม1รอดหรอก เอ๊ะ แต่ก็ไม่แน่..." ลังเลไป ครู่หนึ่งก่อนพูดต่อ "เพราะถ้าปีบได้มรดก คุณดิสธรก็เป็นหนูตกถังชัดๆ อุ๊เคย อ่านข่าวซุบซิบไฮโซ เขาว่ายัยคุณหญิงยุพาพักตร์ แม่ของคุณดิสธรพื้นเพก็ไม่ได้ รํ่ารวยเท่าไหร่หรอก อาสัยแต่ตำแหน่งรัฐมนตรีของสามีกู้หนี้ยืมสินเขาไปเรื่อย ดีไม่ดีที่มาจีบปีบนี่อาจจะเป็นแผนก็ได้ เพราะท่าทางคุณดิสธรก็เจ้าชู้จะตาย...เอ แต่มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ ศกว่ามั้ย เด็กแพรสานั่นน่ะก็หน้าตาเด แถมมอง ผาดๆ ยังมีส่วนเหมือนกับปีบอีกด้วย ถ้าบอกว่าเป็นพี่น้องกันก็เชื่อสนิท"
หัวเราะน้อยๆ อย่างสะใจนิดๆ เพราะหากไม่ได้เป็นดาราโด่งดัง ยัย
ตกเป็นหัวข้อการสนทนาดูเหมือนจะอึดอัด ศกรทำเสียงกระแอมขลุกขลักใน ลำคอชวนชายหนุ่มอีกผู้หนึ่งที่อยู่ร่วมโต๊ะคุย
"กะจะมาเที่ยวที่นี่ซักกี่วันครับคุณดิสธร"
"ก็คงดูก่อนฮะ เพราะช่วงนี้คุณยายไม่ค่อยสบาย จะได้อยู่เป็นเพื่อนปีบ" หนุ่มหน้าตี๋ลูกชายท่านรัฐมนตรีที่กำลังเพลินอยู่กับเรื่องกินตอบแบบไม่ทันคิด แต่มีผลทำให้คนฟังคิดไปไกลเรื่อยเปีอย
อืม เป็นห่วงเป็นใยกันจนน่าเตะ!
แต่ชะรอยคนพูดจะไม่ทันรู้ตัว เพราะลูกชายท่านรัฐมนตรียังพูดต่อ หน้าขาว ติ่เอียงไปทางกาซะลองอย่างสนิทสนม "อีกอย่างเชียงรายก็มีที่น่าเที่ยวเยอะ อย่างแม่นํ้ากกผมก็เพิ่งเคยมาครั้งแรก ไม่คิดเลยครับว่าจะสวยขนาดนี้ วันหลัง คงต้องให้ปีบพาไปเที่ยวที่อื่นบ้าง เอาให้ทั่วเชียงรายเลยนะจ๊ะปีบ"
"งั้นวันหลังไปดอยแม่สลองสิคะ" ศรานตาออกความเห็น สีหน้าสาวสวย ดูปกติธรรมดาเมื่อเอ่ยปาก แม้ในใจจะนึกขวางผู้กองหนุ่ม ศกนะศก ทำอย่างนี้ มันเหมือนเป็นการฉีกหน้ากันชัดๆ สาวสวยเจึ้อยแจ้วต่อพยายามควบคุมอารมณ์ ที่กำลังเดือดปุดๆ ภายในไว้ "อุ๊กับศกเคยไปด้วยกัน บรรยากาศดี๊ดีค่ะ แล้วก็ ยังมีของฝากอย่างพวกงานหัตถกรรมของชาวเขาเยอะแยะเลย ถูกๆ ด้วยนะคะ"
หยุดแค่นั้น ไม่ได้บอกต่อว่าครั้งนั้นที่ไปเพราะเป็นงานการกุศลของจังหวัด ที่ทุกหน่วยงานราชการต้องร่วมมือกันในการช่วยเหลือชาวเขาผู้กำลังประสบ กับภัยหนาว หมู่บ้านสันติคีรีเป็นชุมชนผู้อพยพจากประเทศพม่าเข้าเขตไทย จักรยาน
"ไปสะดวกด้วยครับ เป็นทางลาดยางตลอดสาย ยังไงถ้าจะไปเมื่อไหร่ผม จะเขียนแผนที่ให้"
ผู้กองหนุ่มเสริม แม้ในใจไม่ค่อยสนับสนุนที่จะให้ลูกชายท่านรัฐมนตรี หน้าตี๋ไปไหนมาไหนกับแม่ลูกเป็ดขี้เหร่ แต่จะทำไงได้ ในเมื่อนาทีนี้เขาเปรียบ เหมือนเจ้าของบ้าน ก็คงต้องช่วยดูแลกันไป
"ปีบคงไม่รีบกลับใช่มั้ยจ๊ะ" ศรานตาพูดต่อ "เห็นคุณพ่อบอกว่าคุณยาย เพิ่งเชิญมาคุยเรื่องพินัยกรรม" ค้างไว้อย่างนั้น ทำเอาผู้ที่มืส่วนเกี่ยวข้องในบท สนทนาต้องเงยหน้าขึ้นมองผู้พูดเต็มตา
"ทำไมล่ะ คุณยายทำพินัยกรรมก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรานี่"
จักรยาน fat bike